ความรักคืออะไร (ใครก็ได้ช่วยบอกที) - ความรักคืออะไร (ใครก็ได้ช่วยบอกที) นิยาย ความรักคืออะไร (ใครก็ได้ช่วยบอกที) : Dek-D.com - Writer

    ความรักคืออะไร (ใครก็ได้ช่วยบอกที)

    ชีวิตรักม.ปลายละเอียดยิบ ที่แม้แต่เพื่อนสนิทก็ยังไม่รู้(แต่ตอนนี้คงรู้แล้ว)50%

    ผู้เข้าชมรวม

    327

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    327

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  24 พ.ค. 49 / 08:03 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ


      หลายคนอาจจะงงว่าเป็นนักเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องราวของความรัก
      มาถามแบบนี้ได้ไง บ้าป่ะเนี่ย   


      หลายคนอาจจะงงว่าเป็นนักเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องราวของความรัก
      มาถามแบบนี้ได้ไง บ้าป่ะเนี่ย   



      เราอาจจะตอบกลับไปว่าใช่ก็ได้ ในบางที  เพราะถ้ามาถึงจุดจบ
      คุณก็จะนึกถึงจุดเริ่มเสมอ

      เรามีแฟนคนแรกตอนม.4 บางคนอาจบอกว่าช้า แต่สำหรับเรา มันเร็วไป

      เพราะเรายังไม่รู้จักคำว่ารักดีพอ

      เพราะนั่นไม่ได้ทำให้เรารู้จักคำว่ารักหรอก

      เพราะเราไม่ได้รักพี่เค้า

                คือแบบว่า เราไปเข้าค่าย ที่มีเด็กต่างโรงเรียนมาเข้าค่ายด้วยกันเยอะๆ
      แล้วพอเข้าห้องประชุมรวม รุ่นพี่ร่วมโรงเรียนกับเรา ที่มาจากโรงเรียนเก่าเดียวกันอีกที ก่อนมาเข้าโรงเรียนนี้ ก็แนะนำให้เรารู้จักกับเพื่อนเค้า ซึ่งเราก็ไม่ได้สนใจอะไร  แล้วเราก็ไม่ได้เจอกันอีกจนเราลืมเรื่องนี้ไป  เพราะเราอยู่คนละสาขา(
      major)

                จนวันสุดท้ายของการเข้าค่าย  พี่เค้าก็เอาป้ายชื่อเค้ามาให้เรา  เราก็งงๆ
      ว่าเอามาให้ทำไมเนี่ย เค้าก็บอกว่าให้รับไว้  เราก็เลยรับๆไว้  ด้วยว่าเกรงใจ
      เพราะยังไงก็เป็นรุ่นพี่

                จากนั้น  เค้าก็โทรมาหาเรา  ทั้งๆที่เราไม่ได้ให้เบอร์เราไว้  เราเลยพาลนึกว่าเค้าเป็นเพื่อนในค่ายเมเจอร์เดียวกับเรา ที่ชื่อไปเหมือนเค้า  เอาเป็นว่าตอนนั้นเรายังไม่รู้ว่าเป็นเค้าก็ละกัน 

                จนผ่านไป 3-4 ครั้งได้ กว่าเราถึงจะรู้  งงแตกเลยสิ ทีนี้เราก็เลยซักพี่เค้า
      เหมือนทนายโจทก์ซักจำเลยยังไงยั่งงั้น  ได้ความว่า  เค้าได้เบอร์มาจากพี่ที่ทำหนังสือค่ายของสาขาเรา  เพราะเค้ารู้จักกันไรประมาณนี้  แล้วตอนนั้น เราก็ยังมะรู้ว่าเค้าจีบเราเลย  นึกว่าแค่เป็นรุ่นพี่โรงเรียนเก่าไรงี้ (โง่จิงๆเล้ย)

      มารู้ว่าเนี่ย เค้าจีบเราแล้วนะ ก็ตอนที่เค้าพาเราออกเดท แต่เราก็ยังไม่รู้ 
      นึกว่าแค่พามาเที่ยวเฉยๆแบบพี่ชาย ก็เรามาเที่ยวกับพี่ชายออกบ่อยไป
       
      เลยมาอย่างง่ายดาย แล้วก็ไม่ได้คิดอะไรเล้ย (โง่อีกแล้ว)
       

      ถามว่าตอนเป็นแฟนกัน เรามีความสุขมั้ย.. ก็มีนะ แต่เราไม่รู้ว่าเค้ามีมั้ย เราก็ทำอย่างที่คิดว่าคนอื่นเค้าคงทำกันแหละ แต่เราก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมาก เพราะเราไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากนัก ไม่เหมือนกับที่คนอื่นๆเค้าคิดกัน และอาจจะเพราะใจเราไม่ได้รักเค้า แค่ปลื้มๆเป็นบางครั้ง แค่นั้น

                      จนเวลาผ่านไป ใจเราก็ไม่ได้คิดถึงเค้า แต่ออกแนวน้อยใจและค่อยๆห่างเหิน เพราะเราไม่มีเวาให้กัน เรากำลังยุ่งกับงานโรงเรียนที่รับช่วงต่อมา แล้วพี่เค้าก็กำลังเตรียมตัวเอ็นทรานซ์ ซึ่งเค้าก็หวังไว้ค่อนข้างสูง เราเลยห่างๆกันไป

                      รักแท้แพ้ใกล้ชิด ตอนนั้นมีคนมาจีบเราพอดี ความจริงเค้าตามจีบมานานแล้ว แต่เราก็ไม่รู้ด้วยความซื่อ(และโง่เหมือนเคย) แต่คนนั้นเริ่มเข้ามาแทนที่แฟนเรามากขึ้นเรื่อยๆ จนเรามีใจให้มากกว่าที่ควรจะเป็น โดยที่เราไม่รู้ตัว

                      แต่ที่เรารู้ว่าเค้าจีบเรา ก็ตอนที่เค้าพูดประโยคเด็ดว่า " เลิกกับแฟนแล้วบอกพี่นะ พี่จะรอ "

                  เรางี้อึ้งไปเลย เพราะเราคิดว่าเค้าเป็นพี่ชายเรามาตลอด แสนดีด้วย ไปไหนไปส่ง เอากะเขาสิ ได้แต่บอกว่า

                      " เป็นพี่ชายน่ะดีแล้ว คบกันนานดีออกนะ "

                  แต่เค้ากลับบอกว่า

                      " ยังไงพี่ก็จะรอ "

                  แต่ที่เราพูดออกไปว่าเป็นพี่ชายดีกว่า เพราะพี่เค้าเคยพูดว่า

                      " พี่ยังไม่มีแฟนหรอก แฟนพี่น่ะ ต้องเป็นแม่ในอนาคตของลูกพี่ "

                  เราก็บอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไง มันแปลก และอึดอัดจนบอกไม่ถูก

                      แล้วเราก็ไปชอบอีกคนหนึ่ง ชอบแบบที่มากจนอาจเรียกว่ารักได้ ในความคิดตอนนั้น ตอนนี้ก็ชอบอยู่นะ แต่น้อยกว่าตอนนั้นมากๆ คงเป็นเพราะเราเข้าใจความรักมากขึ้นรึเปล่าก็ไม่รู้

                      เค้าเป็นหนุ่มฮอตคนนึงของโรงเรียน กลุ่มของเค้าแทบเรียกได้ว่าเป็นหนุ่มแถวหน้าของโรงเรียนทั้งนั้น ส่วนเราเป็นแค่รุ่นน้องหน้าตาก็ธรรมดาคนนึงที่แอบมองเค้าอยู่

                      ความประทับใจครั้งแรกสุด ที่เราดีใจมากที่สุด ตอนที่เรากำลังทำงานประจำชั้นอยู่(งานโรงเรียนที่ว่า) พี่เค้าจู่ๆก็เดินเข้ามาหาเรา และถามว่า

                      " ให้พี่ช่วยยกอะไรมั้ยครับ คือแบบทำอย่างอื่นไม่เป็น ทำเป็นแต่ยกของ " แล้วเค้าก็ยิ้มๆมาให้

                      เราเหรอ อึ้งไป 3 วิ แล้วก็ยิ้มตอบกลับไป แล้วมองไปรอบๆ ก้ไม่มีอะไรให้ยกแล้ว เลยตอบพี่เค้าไปว่า

                      " อ๋อ จะเสร็จแล้วอะค่ะ ไม่มีอะไรให้ยกแล้ว "

                  แล้วพี่เค้าก็เดินเขินๆกลับไป ประมาณว่ามาช่วยเมื่อสาย อะไรประมาณนั้นแหละ

                      แล้วซักพัก เพื่อนที่อยู่ฝ่ายเดียวกัน ที่ชอบพี่เค้ามานานก็ชิงถามเราว่า

                      " เซเว่นๆ(นามสมมติ) เมื่อกี้พี่เต้(นามไม่สมมติ) มาคุยกับเซเว่นเหรอ พี่เค้าว่าไงมั่ง "

                  " เอ่อ ..อ๋อ พี่เค้าจะมาช่วยยกของ แต่มันไม่มีให้ยกแล้วนะ "

                  " โหย เป็นเราหน่อยก็ไม่ได้ "

                  ตอนนั้นยังไม่มีใครรู้ว่าเราชอบพี่เค้าเลยซักคน และยังไม่มีใครรู้ว่าใจเรา จะออกมานอกอกอยู่แล้ว

                      บางคนอาจคิดว่า เราทำตัวอย่างกับคนโสด แต่เราก็คิดแบบนั้น

                      แล้วเราก็ลืมเรื่องนี้ไปซักพัก เพราะเราได้ข่าวว่าแฟนเรา(ณ ตอนนั้น) สอบติดรับตรงKMUTT

      (สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี) เราก็ตัดสินใจจะเลิกกับพี่เค้า ความจริงเราตัดสินใจมาก่อนหน้านั้น

      นานแล้ว แต่กลัวมันจะกระทบเรื่องสอบเอนท์ เลยคิดว่าถ้าพี่เค้าติดก่อนค่อยบอก

                      เวลาผ่านไปเราก็ยังไม่ได้บอกเลิก เราเพิ่งรู้ว่าความรู้สึกเพื่อนเราตอนที่มันอยากเลิกกับแฟนแต่ไม่กล้าเป็นยังไง แล้วเราก็ลืมเรื่องนี้ไปพักนึง

                      เราเริ่มชอบพี่เต้มากขึ้น ส่วนหนึ่งเพราะครึ่งนึงของเค้าตรงสเป๊กเรามากๆ แล้วเราก็ได้โอกาสบอกพี่เค้าว่าเราชอบเค้า หลังจากเข้าไปตีสนิททำความรู้จักบ้างแล้ว จนสนิทพอสมควร และมันเป็นวันสุดท้ายที่พี่เค้ามาโรงเรียน

                      วันนั้นเป็นวันอำลาพี่ม.6 พี่เค้าแสดงหลายชุด แต่เราก็ไม่มีโอกาสได้บอกพี่เค้าซักที ในงานเราถ่ายรูปการแสดงเกือบทุกชุด โดยเฉพาะชุดที่พี่เต้แสดง การแสดงสุดท้ายคือ Fashion show ซึ่งแน่นอนว่า หนึ่งในนายแบบกว่า 20 คน มีพี่เค้ารวมอยู่ด้วย เราได้โอกาสให้ของเค้าตอนนั้น พี่เค้าทำหน้างงว่าให้เหรอ เราก็พยักหน้าแล้วบอกให้เค้ารีบไป

                      ในถุงใบนั้นเป็นเทียนสีแดงมีลายรูปหัวใจสีขาว และจดหมายบอกความรู้สึก แน่นอนวาเราไม่กล้าบอกเค้าตรงๆให้เค้าอ่านเอาง่ายกว่า

                      หลังจากจบงาน เรากลับมาที่ห้องเก็บของเตรียมตัวกลับบ้าน เราถูกแซวจากเพื่อนๆจนทำอะไรไม่ถูก หนีกลับไปเลย

                      วันรุ่งขึ้นข่าวนี้รู้กันทั้งชั้น ยกเว้นเพื่อนสนิทฉันที่คงไม่รู้ (ก็ยัยนี่หมึนๆหน่อย -_-^) รวมถึงแฟนคลับพี่เต้ในห้องฉันก็รู้ แต่เค้าทำท่าเฉยๆ ใช้ยุทธวิธี 'สงบสยบความเคลื่อนไหว'

                  ในจม. เราขอร้องไม่ให้เปลี่ยนไป ให้คุยกันเหมือนเดิม ซึ่งพี่เค้าก็ทำแบบนั้นจริงๆ ทำให้ฉันยิ่งปลื้มพี่เค้ามากขึ้นไปอีก

                      อีกครั้งที่เราประทับใจในตัวพี่เต้ คือวันBye'nior ในงานพี่เค้าตามใจเราทุกอย่างไปไหนไปด้วยกัน จนวิญญาณเราลอยออกนอกโลกไปเลย

                      ในงานเราเอากล้องไปด้วย คงไม่ต้องบอกว่ามีรูปใครมากที่สุด แน่นอนก็ต้องรูปพี่เค้า(ถ้าไม่นับรูปเรา)

                      จากนั้น เราก็ได้เห็นหน้าพี่เค้าให้ใจเต้นเป็นพักๆ แต่มันก็ไม่มากเท่ากับตอนนั้นในงานBye'nior

                      พอกำลังจะขึ้นม.6 เราก็มี.. จะเรียกว่าธุระก็ไม่ใช่ เรียกว่าโอกาสก็ได้ ที่อาจจะได้ไปชะอำกับpeckผลิตโชค อยู่ในทีม star survivor1 บางคนอาจจะยังพอจำได้ แต่แค่ไปสัมภาษณ์ที่ตึกGMM grammy place ก็ตื่นเต้นจะแย่ ตอนแรกนึกว่าแม่จะไม่ให้ไป แต่สุดท้ายก็อนุญาต

                      เราไปกับพี่แพทย์ที่รู้จักกันนานมากแล้ว ก่อนไปเราก็ปั่นlab chem. ส่งก่อน เพราะเดียวเพื่อนในกลุ่มจะเดือดร้อน ตอนแรกเรานึกว่า พี่แพทย์ไปกันหลายคน เพราะเค้าบอกว่าไปทำค่าย ที่ไหนได้ ไปกับครอบครัวเค้า ใจเราเริ่มแป้ว ไม่รู้คุยอะไรเลยซวยไป

                      ที่ซวยยิ่งกว่านั้นคือครอบครัวเค้าต้องไปJapanคืนนี้ นั่นหมายความว่า เราจะต้องผจญกทม.เพียง 2 คน(บ้านนอกมาก ณ ตอนนั้น)

                      โชคดีที่ครอบครัวเค้าที่ไปด้วยกัน เป็นคนง่ายๆ คุยสนุกและขี้เล่น เลยสบายใจได้หน่อย

                      ตลอดทางถึงกทม. เราเถียงกับพี่เค้า(หมอ)ตลอด และท่าทางจะเป็นแบบนี้จนกลับ

                      แต่หาได้เป็นแบบนั้นไม่ หลังจากที่แยกจากครอบครัวเพื่อไปที่บ้านเพื่อนเค้า เพื่อพักผ่อน(เราคุยกันก่อนแล้ว)

                      พอเจอหน้าเพื่อนเค้าปุ๊บ แนะนำเราก็ยิงเลย

                      " ไมเพื่อนพี่ หน้าตาดีกว่าพี่ตั้งเยอะแน่ะ "

                  พี่ดอย(เพื่อนพี่หมอ) ก็ยิ้มๆ แล้วก็เดินนำไปที่ห้อง ฉันเหนื่อยมาก เลยสระผมแล้วนอนดูทีวีที่โซฟานอน กะว่าจะไม่หลับ จนกว่าผมจะแห้ง

                      แต่ตื่นมาอีกที เราไม่รู้หลับไปเมื่อไหร่ กำลังเบลอๆ รู้ว่ามีคนลูบผม เงยหน้าขึ้นไปมอง ก็พี่หมอนั่นแหละแบะเราก็นอนตักเค้าอยู่ พูดคำแรกว่า

                      " ไหนบอกยังไม่หลับไง นี่ผมยังไม่แห้งเลยนะ "

                  " ก็มันหลับไปแล้วนี่ " เราตอบแบบงอนๆ และคิดว่าเค้าลูบผมแบบเอ็นดูน้องสาว

                      "ช่างมันเถอะ หลับต่อเถอะ " แล้วเค้าก็ขยับออกไป

                      " พี่ยังไม่นอนเหรอ เดี๋ยวเค้าขึ้นไปนอนที่ห้องดีกว่า "

                  " จะนอนละ ไปพร้อมกันเลยละกัน "

                  " แล้วพี่ดอยล่ะ "

                  " ออกไปกินเหล้ากับเพื่อนมันน่ะ "

                  " เอ๋อ เหรอ " มันก็ไม่แปลกหรอกที่นศ.วิศวะจะดื่มอะนะ

                      " ไปนอนด้วยนะ "

                  " ไมอะ "

                  " ไม่อยากนอนห้องเดียวกับดอยอะ กลัวเหม็นเหล้า "

                  " อื้ม ก็ได้ๆ " ด้วยความที่เราไม่ใช่เจ้าของบ้านและเราก็ไม่คิดอะไรมากกว่าพี่ชาย(ปากหมา)นี่นา

                      " หมอนมีใบเดียว นอนด้วยละกัน "

                  " วุ่นวายจริง ก็ได้ๆ " ด้วยความง่วงและพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าไปสัมภาษณ์เลยตัดปัญหาซึ่งไม่รู้เลยว่ามันจะนำปัญหามามากกว่าที่คิด

                      เราหลับไปพักนึงบนหมอนใบเดียวกับพี่หมอ เราหันหลังให้เขา ชุดนอนเรานี่เป็นกุลสตรีมักๆ เสื้อยืดตัวหลวมกับกางเกงเตะบอล เหอๆ

                      ตื่นมาอีกทีรู้สึกร้อนและหนัก แต่เปิดแอร์ไว้แล้วนะ มันหนักที่เอวเราเลยตื่น และพูดเบาๆว่า

                      " แอร์ร้อนจัง "และต้องสะดุ้งที่ของหนักๆที่เอวคือแขนของพี่เค้า

                      แล้วก็ต้องสะดุ้งมากขึ้น เมื่อ

                      " เดี๋ยวพี่ไปปรับให้ " เสียงของพี่เค้า ก็แสดงว่าเขายังไม่หลับ แล้วที่กอดเรา พี่หมายความว่าไง

                      เค้าเดินไปปรับแอร์ แล้วก็กลับมานอนต่อ แล้วกอดเราเหมือนเดิม ใจเราเต้นตึกตักเลย แล้วมันก็นะ เราก็กอดแขนเขาไว้ นอนไม่หลับเลยทีนี้ ไม่ได้กลัวนะ เพราะพี่เค้าไม่มีท่าทีว่าจะพยายามทำอะไรมากกว่านั้น ซักพักเค้าก็ผละออกไป บอกว่าเดี๋ยวพี่ดอยมาเห็น เราก็ไม่ได้ว่าอะไร

                      วันนั้น เราตื่นประมาณ 6 โมง แบบเบลอๆ เพรานอนไม่ค่อยหลับ เราแบน้ำเสร็จ ก็ออกไปปลุกเค้า และก็รู้ว่าพี่ดอยไม่ได้กลับมา ที่น่าตกใจคือพี่เค้าทำแก้มป่องแล้วบอกว่าไม่งั้นไม่ตื่นไปส่งนะ เราก็แอบดีใจนะ แต่ก็แอบงงด้วย เราก็เลยหอมไปทีนึง

                      แล้วเราก็ได้รู้ว่าความรักเป็นยังไง และถ้าจะพูดกันจริงๆแล้ว นี่คือรักครั้งแรกของเรา ใจมันเต้นแบบมีความสุขและความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายออกมาได้

                      ตึกGMMอยู่แถวอโศก เลยตัดสินใจว่าจะขึ้นรถไฟฟ้าไปกัน แล้วต่อtaxiไป แต่เราก็นึกได้ว่าลืมของสำคัญคือรูปถ่ายที่ต้องเอาไปสัมภาษณ์ด้วยไว้ในบ้าน พี่เค้าก้เป็นเดือดเป็นร้อนไปเอาให้ แต่ปัญหาคือ เราไม่มีกุญแจ และเจ้าของบ้านก็ไปเมาหลับอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ โทรไปก็ไม่รับสาย และพี่เค้าก็ทำเรื่องไม่คาดคิดว่าคุณหมอจะทำ คืองัดบานเกล็ด และก็ทุบมุ้งลวดด้วยมือของเค้า จนเราทนไม่ไหว เลยบอกว่า

      " พอเถอะ ช่างมัน ไม่เอาไปก็ได้มั้ง " แล้วเราก็คว้ามือพี่เค้ามาดู เป็นรอยถลอกเต็มเลย เราก็ถามว่าเจ็บไหม เค้าก็บอกว่าไม่เป็นไร ให้รีบไปเดี๋ยวจะสาย

                      แล้วเราก็ออกไป ตลอดทางเค้าจับมือเราตลอด มันยิ่งทำให้เรารู้สึกมากขึ้น ส่วนนึงอาจเป็นเพราะบางส่วนเค้าตรงสเป๊กเรา

                      แต่ที่แปลกคือ เค้าไม่ต่อล้อต่อเถียงเรามากเหมือนที่ผ่านมา ส่วนเราก็เพลาๆไป แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่เถียงกันเลยนะ

                      คนที่สัมภาษณ์ มาเป็น 20-30 คน เราถามพี่ว่าเอากี่คน พี่เค้าบอกเอา 4-5 คนมั้ง เราก็เริ่มถอดใจ ตอนแรก เราคิดว่าจะเป็นการสัมภาษณ์รายตัว แบบว่าคอนเซ็ปทีมพี่เป๊กมันประมาณ ไหวพริบดี อะไรแบบนี้

                      แต่หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ มันแบบประมาณว่าเล่นเกมส์เสี่ยงดวงมากกว่า เราคิดว่าถ้าจะได้มันก็ได้ ทำให้ดีที่สุดเลยละกัน แล้วเราก็ผ่านเข้าไปในรอบ 8 คนสุดท้าย แบบว่าต้องจับคู่ตอบคำถาม เราแพ้แบบดวงซวย คือทุกคำถามที่เราเลือก เราตอบไม่ได้เลย แต่ทุกคำถามที่คู่แข่งเลือก เราตอบได้หมด แม้ว่าเค้าจะตอบได้บ้าง

      ไม่ได้บ้างก็ตาม

                      เสร็จแล้วเราก็ลงมาจากตึก หวังว่าจะได้เจอนักร้อง หรือดีเจ ซักคน แต่ไม่เลย พี่เค้าบอกว่าจะพาไปเลี้ยงปลอบใจ เพราะเราเคยเลี้ยงพิซซ่าพี่เค้า แล้วพี่เค้าก็บอกว่าคราวหน้าจะเลี้ยงตอบ เราอยากกินสุกี้ (ความจริงอยากกินผัก มันไม่ได้กินผักมาหลายวัน) พี่เค้างงเพราะเราสั่งผักมาเยอะมาก เค้าแซวว่าในท้องมีโปรโตซัวช่วยย่อยแบบปลวกเหรอ เราก็ยิ้มๆ

                      หลังจากกินข้าวเสร็จ พี่เค้าก็พาไปดูหนังต่อที่อีจีวี (ก็คล้ายเมเจอร์แบบบ้านเราแหละ) ตอนนั้นเรื่องบุปผาราตรี 2 มั้ง หน้าโรงมีเกมส์ไขห้อง 609 ก็ไม่ได้รางวัลไรมาก ได้โปสเตอร์กับถุงๆอะไรซักอย่าง ตลอดเวลาที่เดินเที่ยวกัน เค้าจับมือเราไว้ตลอด ยิ่งทำให้ใจเราเต้นแรงตลอดเวลา จน 6 โมง พี่เค้าก็พาเรากลับ แล้วเค้าก็ออกไปเล่นเกมส์ บอกว่านัดเพื่อนในเกมส์ไว้ เราก็เฉยๆเพราะเพลียมาก อยากนอน เราก็หลับไปเลย

                      ตื่นมาอีกทีรู้สึกมีใครมาหอมเรา (แบบเอาเป็นเอาตาย) เราก็นึกว่าพี่หมอ พอหนักๆเข้า เค้าก็เริ่มกอดแบบที่พี่หมอไม่ทำ เราก็เลยลืมตา พบว่า

                      " พี่ดอย " เราตกใจมากๆ แล้วก็ลุกวิ่งเข้าห้องน้ำไปล้างหน้า แบบว่าใจเราคิดว่า ถ้าไม่ได้รักพี่หมอ พี่ดอยก็ดีนะ แต่เค้าเป็นเพื่อนกัน และเราก็ไม่ควรนอกใจ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×